จะทำอย่างไรในช่วง Lockdown ประเทศ?

ปัญหาโควิด-19 เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับคนทั้งโลกรวมทั้งประเทศไทย

ปัญหาโควิด-19 เป็นภัยสาธารณะหมายถึงขอบเขตของปัญหานั้นครอบคลุมไปทั้งประเทศ

การแก้ไขปัญหาจึงต้องใช้ความร่วมมือของคนทั้งประเทศทุกหน่วยงานและองค์กร ถึงแม้เป็นหน้าที่หลักของหน่วยงานราชการและรัฐบาลต้องรับผิดชอบและแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยตรงแต่ด้วยขนาดของปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของรัฐบาลปัจจุบันมากทำให้ประสิทธิภาพและคุณภาพในการแก้ปัญหาโควิด-19 เกิดวามผิดพลาดและล่าช้าส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วย ล้มตายเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจและธุรกิจเสียหายหนักหลายแสนล้านบาทส่งผลกระทบทั้งระยสั้น กลางและระยะยาว การแก้ปัญหาโควิด-19 ต้องทำดังนี้ คือ สกัด-ควบคุม-รักษา-ป้องกัน-เรียนรู้

  1. สกัดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วให้ได้ก่อน
  2. รักษาผู้ป่วยให้หายจากการเจ็บป่วยและไม่มีการล้มตายจากโควิด-19 อีก
  3. ควบคุมพื้นที่และหยุดการกระจายและแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในพื้นที่จำกัดที่สามารถควบคุมและจัดการได้
  4. ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำแบบเดิมอีกต่อไปโดยมีมาตรการต่อเนื่องทั้งระยะสั้น กลาง ยาวในการป้องกันโควิด-19
  5. เรียนรู้จากปัญหาโควิด-19 มันสอนอะไรเราบ้าง ขีดความสามารถในการจัดการปัญหาระดับโลก ทรัพยากร เครื่องมือ ความรู้ เทคโนโลยี ยา การแพทย์ ระบบสาธารณสุข บุคลากรและอื่นๆ นั้นประเทศมีความพร้อมและจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงและต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้ามากน้อยเพียงใด   

การ Lockdown ประเทศจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาโควิด-19 ครั้งนี้จะส่งผลกระทบหลายมิติ

  1. เศรษฐกิจหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจต่างๆ จะได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างและเชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่
  2. กำลังการผลิตจะลดต่ำลงอย่างมาก
  3. กำลังซื้อจะหายไปและลดลงอย่างมาก
  4. ปัญหาการเงินจะเกิดหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงหนี้เสียและหนี้สูญจะรุนแรงขึ้น
  5. อัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น
  6. อาชญากรรมจะเพิ่มมากขึ้น
  7. ปัญหาสังคมและความรุนแรงจะเพิ่มมากขึ้น เช่น การหย่าร้าง โรคจิต โรคซึมเศร้า 

จะทำอย่างไรในช่วงล็อกดาวน์ประเทศ? นั้น

ระดับบุคคล

  1. ต้องยอมรับความจริงและเข้าใจว่าประเทศอยู่ในภาวะโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่การอยู่ในภาวะปกติ
  2. การป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำและมีวินัยเข้มงวดทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
  3. การหลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากพาหะนำเชื่อโรคเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การรักษาระยะห่างระหว่างคน การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน ไม่ไปในสถานที่แออัดหรือคนเยอะ
  4. ปรับสภาพความคิดและจิตใจใหม่ไม่ยึดติดและเคยชินกับสภาพชีวิตแบบเดิมๆ เช่น อยู่ไม่สะดวก กินไม่สะดวก เดินทางไม่สะดวก ทำงานไม่สะดวก เรียนไม่สะดวกและความสะดวกอื่นๆ ที่เคยชินจะเปลี่ยนแปลงไปต้องปรับตัวกับเรื่องเหล่านี้ให้ได้
  5. งานลดลง รายได้ลดลง นั่นคือต้องหางานเพิ่มเพื่อคงสภาพรายได้และลดรายจ่าย หนี้สินต่างๆ ลงให้สมดุลย์ในการใช้ชีวิตให้อยู่ต่อไปได้
  6. เรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้นและเปรียบเทียบกับจุดแข็งจุดอ่อนของตนเองว่าต้องแก้ไขปรับปรุงตนเองอย่างไรบ้างกับโลกยุคโควิดและยุคดิจิทัล
  7. ต้องอดทนจนถึงขั้นทนอดได้หนึ่งในวิธีการต่อสู้กับความยากลำบากของชีวิตคือการใช้ความอดทนและต้องไปถึงขั้นทนอดได้ด้วย เช่น ทำงานหนักขึ้น กินน้อยลงหรืออดมื้อกินมื้อรวมถึงการยอมสูญเสียบางอย่างหรือหลายอย่างได้ เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอดและกลับมาตั้งตัวใหม่

ระดับธุรกิจ

  1. ต้องหาตลาดใหม่ เพื่อทดแทนตลาดเดิมที่หดตัว
  2. หาลูกค้าใหม่ เพื่อทดแทนลูกค้าเดิมที่หายไปและสร้างฐานลูกค้าใหม่
  3. ใช้วิธีการใหม่ เพื่อทดแทนวิธีการเดิมที่ไม่ได้ผลหรือล้าหลังหรือไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
  4. เมื่อลูกค้าหาย รายได้ลด กำลังซื้อตกต่ำ เศรษฐกิจถดถอย ธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์ใหม่นอกจาก 3 ข้อแรกแล้ว คือ
    • ออกไปหาลูกค้าไม่รอให้ลูกค้ามาหาเราด้วยวิธีการต่างๆ ทุก Channels Online
    • ปรับขนาด แบบและราคาสินค้า, บริการลงให้เหมาะสมกับสถาณการณ์และกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย
    • ปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายใหม่แบบเจาะจง ตรงเป้า เข้าถึง กลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
    • งบการตลาดและการขายไม่สำคัญเท่ากลยุทธ์การตลาดและการขาย
      “ยิงแม่นสำคัญกว่ายิงรัว”
    • กลยุทธ์ราคาถือเป็นเรื่องคลาสสิคที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยวิเคราะห์และนำมาใช้ให้ดีบางครั้ง “สภาพคล่องสำคัญกว่ากำไร”
    • ลด แลก แจก แถม คือ “Marketing Never Die” ปรับและนำมาใช้ให้ได้ผล
    • Re-skill & Up-skill ทีมทำงานทั้งหมดใหม่ให้มี Skill Set ตามมาตรฐานใหม่โดยเฉพาะด้าน Digital Skill
  5. ตรวจสอบภาพรวมของธุรกิจทั้งหมดหาจุดอ่อนจุดแข็งให้เจอและปรับปรุงแก้ไขโดยด่วน
  6. สร้างมาตรฐานการทำงานใหม่ทุกฝ่ายที่วัดประเมินผลได้ไม่ว่าการใช้ KPI, OKRs, BSC, และอื่นๆ
  7. ปรับวีธีคิด การตัดสินใจและการบริหารจัดการธุรกิจใหม่ให้มีความรวดเร็วทันเหตุการณ์ ทันสมัย ใหม่เสมอ

Conclusion

สภาพแวดล้อมในการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง ๆไม่ยึดติดกับเรื่องเดิม ๆวิธีการเดิมเพราะ “การปรับตัว” คือ หนึ่งในวิธีการอยู่รอดของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว

ต้องทำความเข้าใจกับคำและความหมายเหล่านี้ Digital Economy, Platform Digital, Sharing Economy, Gig Economy, Cryptocurrency, DeFi, Blockchain และอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ที่พฤติกรรมมนุษย์ทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงและเชื่อมต่อกันผ่านโลก Internet ที่รวดเร็วและ Real-Time การซื้อขายจ่ายเงินโอนเงินข้ามโลกง่ายดายเพียงเสี้ยววินาที การค้าขายผ่าน Platform E-Commerce, Social Commerce, Website ต่างๆ ที่กลุมทุนธุรกิจยักษ์ใหญ่ทำอยู่นั้น ธุรกิจขนาดเล็กไม่อาจจะต่อกรและทำธุรกิจแข่งขันได้

สิ่งที่ต้องทำของธุรกิจ SME คือ กลยุทธ์แบบแยบยล

  1. มองหาช่องว่างทางธุรกิจให้เจอและทำสิ่งนั้น
  2. ไม่สู้แบบซึ่งหน้า หาจุดอ่อนแล้วโจมตีจุดนั้น
  3. รบเร็ว หนีเร็ว
  4. ขายบริการก่อนขายสินค้า
  5. ไม่จำกัดรูปแบบการขาย
  6. ใช้เทคโนโลยีช่วยรบครบทั้งวงจรธุรกิจ
  7. สร้างไอเดียใหม่ขึ้นมา

“ไอเดียไม่จำเป็นต้องใหม่

ไม่ต้องใหญ่คับโลกหรือล้ำยุคจนทะลุจักรวาล

ขอเพียงแค่ “ดีกว่า” ก็พอ”

ติดตามบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ SBC Blog

LINE OA: SUBBRAIN

Facebook: SUBBRAIN

ติดตาม SUBBRAIN ได้ที่นี่