ธุรกิจตัดสินแพ้ชนะด้วยคน

ถ้าทุกอย่างเท่ากัน เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ Facility พื้นฐานของธุรกิจการแพ้ชนะและการเติบโตของธุรกิจจะตัดสินด้วย “คน” แม้เทคโนโลยีและ Internet IOT AI ML และ Apps ต่างๆ จะพัฒนาไปไกลมากแต่ธุรกิจก็ยังต้องขับเคลื่อนด้วยคน บริหารจัดการ และดำเนิธุรกิจด้วย “คน”

“คน” จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักและเป็นหัวใจสำคัญที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญในการสรรหา คัดเลือกและว่าจ้าง ถ้าต้องการให้ธุรกิจรุ่งและรอดและรวย  และแน่นอนซับเบรนไม่ได้หมายถึงบริษัทที่มีแต่สากกะเบือแล้วหาคนเก่งๆ มาทำงานก็จะประสบความสำเร็จได้เลย ธุรกิจหรือบริษัทจะหาคนเก่งมาร่วมงานได้ต้องมีลักษณะดังนี้

บริษัทต้องเก่งกว่าพนักงาน

บริษัทต้องเก่งกว่าพนักงานคือบริษัทต้องมีพื้นฐานในการบริหารจัดการธุรกิจของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ก่อนแล้ว พนักงานเป็นเพียงส่วนผสมหนึ่งที่บริษัทต้องการนำมาทำงานตามแผนและกยุทธ์ของบริษัท โดยไม่ได้พึ่งพาความเก่งของพนักงานเท่านั้นธุรกิจจึงจะไปได้ พูดง่าย ๆ แม้ไม่มีพนักงานคนนี้หรือฝ่ายนี้บริษัทก็ยังดำเนินธุรกิจของตนเองต่อไปได้

บริษัทต้องอยู่เหนือระดับ "ค่าเฉลี่ย"

บริษัทต้องอยู่เหนือระดับ “ค่าเฉลี่ย” ของบริษัททั่วๆ ไปซึ่งจะมีอยู่ 3 ระดับ

  1. บริษัทระดับ “เหนือกว่าค่าเฉลี่ย”
  2. บริษัทระดับ “ค่าเฉลียทั่วไป”  
  3. บริษัทระดับ “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย”

เช่น ค่าจ้างพนักงานเริ่มต้น ค่าเฉลี่ยคือ 15,000-18,000 บาท

  • บริษัทระดับ “เหนือกว่าค่าเฉลี่ย” มีค่าจ้างเริ่มต้นที่ 30,000-35,000 บาท ปรับเงินเดือนขึ้นทุกปี โบนัส 6 เดือน
  • บริษัทระดับ “ค่าเฉลียทั่วไป” มีค่าจ้างเริ่มต้นที่ 18,000-20,000 บาท นานๆ ปรับที โบนัส 1 เดือน
  • บริษัทระดับ “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย” มีค่าจ้างเริ่มต้นที่ 15,000-18,000 บาท  ไม่มีการปรับเงินเดือนใดๆ ทั้งสิ้น โบนัสไม่มี

เห็นได้ชัดว่าบริษัทไหนจะมีคนเก่งไปสมัครงานและได้คนเก่งเข้าทำงานได้มากกว่ากัน นี่ยังไม่นับรวมข้อแตกต่างของบริษัท 3 ระดับนี้อีกมากมายหลายข้อ เช่น ชื่อเสียง สถานที่ทำงาน บรรยากาศ ระบบงาน สิ่งอำนวยความสะดวก ความก้าวหน้าในสายงาน เป็นต้น

“คนเก่งฉลาดราคาถูกไม่มี มีแต่คนโง่ราคาแพง”

วิธีการสรรหา คัดเลือก สัมภาษณ์คนเข้าทำงาน

วิธีการสรรหา คัดเลือก สัมภาษณ์คนเข้าทำงาน การหาคนเก่งมาทำงานไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีการคัดเลือกและสัมภาษณ์คนจึงสำคัญยิ่ง

  1. บริษัทหาเอง ส่วนมากลงประกาศรับสมัครด้วยข้อความมาตรฐานทั่วๆ ไปเหมือนกันทุกบริษัท
  2. จ้าง Head Hunter หาให้
  3. ทาบทามและดึงตัวมาร่วมงานโดยเพื่อน ผจก. หรือผู้บริหาร

แต่ไม่ว่าจะแบบไหนจะต้องมีแนวทางตามแบบที่ซับเบรนแนะนำในการหาคนเก่งมาร่วมงาน

  1. ประกาศรับสมัครงานต้องโดดเด่น มีสไตล์แตกต่าง จากบริษัทอื่นๆ
  2. ต้องการคนแบบไหนบอกไปเลย เหนือกว่าค่าเฉลี่ย ระดับค่าเฉลี่ย หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
  3. มีความท้าทายและจูงใจคนมาร่วมงาน จ่ายค่าตอบแทนตามฝีมือและผลงาน
  4. มีการสัมภาษณ์ครบทั้ง 3 แบบ ปากเปล่า, แบบทดสอบ, สอบปฏิบัติ (ลงมือทำ)
  5. สัมภาษณ์ครบทุกเรื่องทุกมิติเพื่อให้ได้คนตามที่ต้องการจริงๆ
  6. ทำ Check List การสัมภาษณ์กันผิดพลาดหลงลืมไม่ครบถ้วน
  7. สัมภาษณ์ไม่น้อยกว่า 3 รอบ

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่ควรทำในการสรรหาคนเข้าทำงานอย่างการว่าจ้างแบบเป็นสัญญาจ้างพร้อมวิธีการวัดและประเมินผล เช่น BSC, KPI, OKRs เป็นต้น และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการสร้างบรรยากาศและระบบการบริหารจัดการที่เอื้อและจูงใจคน(เก่ง)ให้มีพลังและต้องการทำงานให้กับบริษัทเสมอ

สรุป ธุรกิจตัดสินแพ้ชนะด้วยคน

1. บริษัทต้องมีคุณภาพก่อนเพราะคุณภาพบริษัทคือคุณภาพคน, คุณภาพคนคือคุณภาพงาน, คุณภาพงานคือคุณภาพผลลัพธ์ ที่ธุรกิจหรือบริษัทต้องการ

2. บริษัทต้องมีคนที่มีระดับ “เหนือค่าเฉลี่ย” อย่างน้อย 80% ของพนักงานทั้งหมดเพราะพนักงานระดับ “ค่าเฉลี่ย” คือ ค่าที่คนส่วนใหญ่ทำได้ในระดับเส้นค่าเฉลี่ยปกติ

  • หากต้องการผลงานที่มากกว่าเส้น “ค่าเฉลี่ย” ต้องให้คนที่มีมาตรฐาน “สูงกว่าเส้นค่าเฉลีย” มาทำ
  • หากให้คนที่มีมาตรฐานระดับเส้น…ค่าเฉลี่ย…มาทำ จะได้ผลลัพธ์เต็มที่คือ = ค่าเฉลี่ย หรือ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเท่านั้น
  • หากให้คนที่มีมาตรฐาน…ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย…มาทำ ผลลัพธ์จะมีอยู่แค่ทางเดียว คือ “ลงเหว” เช่น เป็นบริษัท Tech Company แต่พนักงานไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเลยหรือมีน้อยมาก เป็นบริษัทค้าขายกับต่างประเทศแต่พนักงานพูดภาษาต่างประเทศนั้น ๆ ไม่ได้เลย เป็นบริษัทธุรกิจ E-Commerce แต่พนักงานไม่มีความรู้และเข้าใจธุรกิจ E-Commerce เลยนี่เป็นเหตุผลพอเพียงที่จะบอกได้ว่าบริษัทไหนจะชนะหรือแพ้ และบริษัทไหนจะแพ้ไปตลอดกาล

3. ถ้าหาคนเก่งไม่ได้ก็ต้องสร้างคนที่มีอยู่ให้เก่งและมีความเข้าใจการทำธุรกิจและลักษณะธุรกิจของบริษัทด้วยไม่งั้นธุรกิจรอดยาก

4. ลักษณะคนที่บริษัทต้องมีคือคนที่มี Performance มี Talents มี Competitive advantage เพื่อมาสร้างผลผลิต รายได้และกำไรให้กับธุรกิจ

5. ใช้ Outsource ร่วมด้วย

6. คุณสมบัติพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีคือ   

  • Computer skill
  • Technology & Digital skill
  • Learning by self
  • Growth mindset
  • E-Commerce skill
  • Multi-Language skill
  • Responsibility สูง

7. ธุรกิจที่ชาญฉลาดต้องมีคน 5 กลุ่มนี้อยู่ในองค์กร (สัดส่วนมากน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

  • คนฉลาด
  • คนเก่ง
  • คนขยัน
  • คนโง่
  • คนบ้า

นี่ไม่ใช่การเขียนเอามันพูดเอาฮาแต่เกิดจากประสบการณ์จริงที่ซับเบรนผ่านคนมามากและธุรกิจที่หลากหลายจนตกผลึกทางความคิดและนำมาเล่าให้ฟัง

.

คนฉลาด มีไว้วางแผนและควบคุมเกมธุรกิจทั้งหมด

คนเก่ง มีไว้แก้ปัญหาเฉพาะด้าน เฉพาะทาง

คนขยัน มีไว้ทำงานแบบบ้าเลือดลืมตาย

คนโง่ มีไว้ทำงานที่หาคนทำไม่ได้หรือหายาก

คนบ้า มีไว้ทำงานที่ต้องอาศัยความบ้าเป็นหลัก งานแปลกๆ หรือ ไม่มีใครกล้าทำ

.

และมีคนประเภทหนึ่งที่ห้ามมีเด็ดขาดคือ…คนชั่ว…ถ้ามีหรือเห็นภายหลังต้องกำจัดออกทันทีไม่งั้นธุรกิจ…พัง…

.

ธุรกิจ…Run…ด้วยคนถ้าไม่พร้อมเรื่องคนหรือหาคนได้ไม่ครบตามแผนบอกเลยธุรกิจไปยากหรือเจ๊งได้เลย

ยังมีความสลับซับซ้อนอีกมากเรื่องคนถ้ายังไม่ตกผลึกเรื่องคนอย่างแตกฉานอย่าคิดทำธุรกิจเพราะ…เรือหาย…แน่นอน

ติดตามบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ SBC Blog

LINE OA: SUBBRAIN

Facebook: SUBBRAIN

ติดตาม SUBBRAIN ได้ที่นี่

Categories: Business