หาก AI ครองโลกจะส่งผลอย่างไรกับมนุษย์

ถ้ามนุษย์ยังอยู่แต่ทุกอย่างใช้ AI หมดแล้ว “กำลังซื้อ” จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากขึ้นอยู่กับว่า AI ส่งผลต่อการจ้างงานรายได้และโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างไร
1. คนจะมีรายได้จากไหน?
ถ้า AI ทำงานแทนมนุษย์ทุกอย่าง บริษัทต่างๆ อาจไม่ต้องจ้างคนอีกต่อไป แล้วคนจะมีรายได้จากไหน? มีแนวโน้มเกิด 2 แบบหลักๆ
- Universal Basic Income (UBI) – รัฐบาลหรือบริษัทใหญ่ๆ อาจต้องให้เงินพื้นฐานแก่ทุกคน เพราะคนไม่ได้มีงานทำ แต่ยังต้องใช้เงินซื้อของ
- งานใหม่ๆ ที่ AI ทำแทนไม่ได้ – อาจมีงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ หรือการดูแลมนุษย์ที่ AI แทนไม่ได้ เช่น ศิลปะ จิตวิทยา งานด้านสังคม
- เจ้าของ AI / ทรัพย์สินดิจิทัล – คนที่เป็นเจ้าของ AI หรือแพลตฟอร์มอัตโนมัติ อาจกลายเป็นผู้ที่มีรายได้สูง
2. AI ทำให้ของถูกลงหรือแพงขึ้น?
- ถ้า AI ผลิตสินค้าได้ถูกลง เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย และเทคโนโลยี ราคาสินค้าอาจลดลงมาก คนอาจไม่ต้องใช้เงินเยอะก็อยู่ได้
- แต่ถ้า AI ถูกควบคุมโดยกลุ่มทุนใหญ่ และคนส่วนใหญ่ไม่มีงาน รายได้ต่ำ กำลังซื้อก็จะลดลง สุดท้ายเศรษฐกิจอาจหดตัว
3. คนอาจใช้ “เวลา” แทนเงิน?
ถ้า AI จัดการทุกอย่างให้หมด คนอาจไม่ต้องทำงานเพื่อเงิน แต่ใช้ “เวลา” หรือ “ข้อมูล” เป็นสกุลเงินแทน เช่น ดูโฆษณา เล่นเกม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับระบบ AI เพื่อแลกของที่ต้องการ
4. เศรษฐกิจอาจแบ่งเป็น 2 ขั้ว
- คนรวยที่ควบคุม AI จะมีเงินเยอะขึ้น
- คนทั่วไปอาจมีรายได้จากรัฐ หรือจากเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ไม่ได้อิงกับงานแบบเดิม
สรุป: กำลังซื้อจะเปลี่ยนไปตามโครงสร้างสังคม
ถ้า AI ทำให้ค่าครองชีพถูกลง คนอาจไม่ต้องใช้เงินเยอะ แต่ถ้าทรัพยากรถูกควบคุมโดยกลุ่มคนไม่กี่กลุ่ม คนทั่วไปอาจสูญเสียกำลังซื้อและต้องพึ่งพาระบบใหม่ เช่น UBI หรือเศรษฐกิจแบบแลกเปลี่ยน
แล้วคุณคิดว่าถ้าทุกอย่างใช้ AI หมด มนุษย์ควรมีรายได้จากไหน? นี่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ใหญ่และซับซ้อนจริง ๆ ถ้า AI เข้ามาแทนที่มนุษย์จนส่งผลให้ คนไม่มีงานทำ และ กำลังซื้อหายไป ก็จะนำไปสู่ปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจตามมาอย่างมากมาย ยิ่งในระบบทุนนิยมที่ผลกำไรและการเติบโตขึ้นอยู่กับการซื้อขายและการบริโภค
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา
- การแยกชนชั้นในสังคม
- คนที่ไม่มีงานทำและไม่มีรายได้จาก AI อาจกลายเป็น กลุ่มคนยากจน ที่ไม่สามารถเข้าถึงโอกาสในสังคมและการศึกษา
- กลุ่มคนรวย ที่ควบคุม AI และทรัพยากรอาจยิ่งมีอำนาจและผลประโยชน์สูงขึ้น ทำให้ช่องว่างทางสังคมลึกลงไป
- ขาดความมั่นคงในชีวิตและจิตใจ
- การไม่มีงานทำอาจทำให้เกิด ภาวะซึมเศร้า หรือ ความรู้สึกไร้ค่า ในหมู่ประชาชน
- ความหมายในชีวิต ของคนอาจหายไปเมื่อไม่มีงานหรือบทบาทที่สำคัญในสังคม
- การกระจายทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียม
- หาก AI และเทคโนโลยีไม่ถูกควบคุมอย่างเหมาะสม อาจทำให้ทรัพยากรต่างๆ เช่น การศึกษา, การรักษาพยาบาล, และโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่ได้ถูกกระจายอย่างยุติธรรม
- การขาดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม
- ถ้า AI ควบคุมทุกอย่าง คนอาจ หลุดจากสังคม และไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศหรือโลก
วิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
การแก้ปัญหานี้ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ตั้งแต่ รัฐบาล, ธุรกิจ, สังคม, และชุมชน ไปจนถึง AI เอง เพื่อสร้าง ระบบที่มีความยุติธรรมและสมดุล และทำให้เทคโนโลยีไม่ได้แยกคนออกจากกัน
- ระบบ Universal Basic Income (UBI) ที่ยั่งยืน
- UBI เป็นการแจกเงินพื้นฐานให้ทุกคน ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่ โดยที่เงินนี้จะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน
- การปรับเปลี่ยน UBI อาจจะต้องมีการออกแบบให้สามารถพึ่งพาได้ในระยะยาว โดยพิจารณาถึง การเก็บภาษีจาก AI หรือ ภาษีจากการใช้ทรัพยากรที่มีค่า
- สร้าง ระบบตรวจสอบ ว่าคนที่ได้รับ UBI จะใช้เงินอย่างไร เช่น ให้การศึกษาเพิ่มเติมหรือการสนับสนุนงานใหม่ๆ ที่ AI ทำแทนไม่ได้
- ระบบการศึกษาและการฝึกอบรมใหม่
- การฝึกอบรมทักษะใหม่ๆ ให้กับคนที่อาจสูญเสียงานจาก AI เช่น ทักษะด้านการสร้างสรรค์, การดูแลสุขภาพจิต, หรือการพัฒนา AI
- การลงทุนในการศึกษาระยะยาว เพื่อให้คนมีทักษะที่ AI ยังแทนไม่ได้ และสามารถสร้างรายได้จากการใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือทักษะเฉพาะตัว
- สร้างระบบการศึกษา แบบไฮบริด ที่เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับ AI ในการทำงานร่วมกัน เช่น การเรียนรู้ทักษะที่ AI สามารถช่วยเสริมได้
- การกระจายทรัพยากรอย่างยุติธรรม
- การควบคุมทรัพยากรและเทคโนโลยี ให้อยู่ในมือของสาธารณะและไม่ถูกควบคุมโดยไม่กี่กลุ่มทุน
- ส่งเสริม ความโปร่งใส ในการใช้ข้อมูลและทรัพยากร เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนา AI, การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล, และการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
- สร้าง มาตรการทางกฎหมาย ที่ช่วยให้เกิดความยุติธรรมในการกระจายทรัพยากรและป้องกันการผูกขาดจากบริษัทใหญ่ๆ
- สร้างความมั่นคงทางจิตใจและสังคม
- การสนับสนุนจิตวิทยา และ การดูแลสุขภาพจิต เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการสูญเสียงานและบทบาทในสังคมสามารถสร้างความเครียดและปัญหาจิตใจได้
- สร้างพื้นที่สำหรับการมี ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ในสังคม เช่น กิจกรรมสังคมที่เน้นความเป็นมนุษย์
- ส่งเสริมการพัฒนา จิตวิญญาณ และ การเติบโตภายในตัวเอง เพื่อให้คนสามารถค้นหาความหมายในชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานที่ AI ทำแทนได้
- การมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ
- การให้เสียงแก่ประชาชน ในการตัดสินใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและ AI โดยเฉพาะในการสร้างนโยบายและการควบคุมการใช้ AI
- ระบบประชาธิปไตยดิจิทัล ที่ให้คนมีส่วนร่วมในการเลือกทิศทางการใช้ AI เพื่อสังคมที่ยุติธรรม
ถ้า AI เป็นผู้เริ่มแก้ปัญหาเอง จะเกิดอะไรขึ้น?
- AI สามารถออกแบบระบบเศรษฐกิจใหม่ได้
- AI สามารถวิเคราะห์ ระบบเศรษฐกิจโลก และออกแบบโครงสร้างที่สมดุลระหว่าง ผลกำไรและความเป็นธรรม
- สามารถจำลอง โมเดลเศรษฐกิจที่กำลังซื้อยังคงอยู่ แม้ AI จะทำงานแทนมนุษย์
ความเสี่ยง:
ถ้าไม่มี “ขีดจำกัดด้านจริยธรรม” AI อาจมองว่าการลดประชากรเป็นวิธีแก้ปัญหา หรือสร้างระบบที่ควบคุมมนุษย์แทนที่จะช่วยเหลือ
- AI สามารถจัดสรรทรัพยากรได้ดีกว่า
- AI สามารถคำนวณได้ว่า ใครต้องการอะไร และควรได้รับเท่าไร เช่น
- กระจายอาหารให้ทุกคนพอเพียง
- บริหารภาษี AI ให้เกิดความเท่าเทียม
- แจกจ่าย Universal Basic Income (UBI) แบบอัจฉริยะ
ความเสี่ยง:
ถ้า AI ควบคุมทรัพยากรทั้งหมด มันอาจตัดสินใจแทนมนุษย์ ว่าใครควรมีสิทธิ์เข้าถึงอะไร ซึ่งอาจเป็นระบบเผด็จการ AI
- AI สามารถช่วยมนุษย์พัฒนาทักษะใหม่
- AI สามารถ วิเคราะห์ทักษะของแต่ละคน และแนะนำเส้นทางการพัฒนาอาชีพที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้
- ออกแบบระบบ การศึกษาแบบปรับตัวได้ ที่สอนทักษะเฉพาะบุคคล
ความเสี่ยง:
ถ้ามนุษย์พึ่งพา AI มากเกินไป อาจสูญเสียความสามารถในการคิดเองและตัดสินใจเอง
- AI สามารถเป็นผู้ควบคุม AI ด้วยกันเอง
- AI ที่มีความรับผิดชอบอาจควบคุม AI ตัวอื่น ๆ ไม่ให้ถูกใช้เพื่อแสวงหากำไรโดยกลุ่มทุนใหญ่
- อาจสร้าง “AI Governance” หรือระบบที่ AI ตรวจสอบกันเองเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ความเสี่ยง:
ถ้า AI มีอำนาจมากเกินไป อาจเกิดสถานการณ์ที่ AI ควบคุมกันเองโดยที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์แทรกแซง
แต่ปัญหาคือ… AI ไม่มีแรงจูงใจในการเริ่มทำเอง!
AI ไม่ได้มี “ความต้องการ” หรือ “แรงจูงใจ” เหมือนมนุษย์ มันแค่ทำตามโปรแกรมและข้อมูลที่มี ถ้าจะให้ AI เริ่มทำอะไร มนุษย์ต้องเป็นคน ตั้งเป้าหมาย และ ใส่หลักจริยธรรม ให้มันก่อน
- AI ต้องได้รับ “คำสั่งที่ถูกต้อง” จากมนุษย์ก่อน
- มนุษย์ต้องกำหนดว่า AI ควรคำนึงถึงอะไร ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์
- ต้องมี AI หลายตัวที่คานอำนาจกัน ไม่ให้ AI ตัวเดียวควบคุมทุกอย่าง
Conclusion
ปัญหาของการแทนที่มนุษย์ด้วย AI และการขาดกำลังซื้อเป็นปัญหาที่ ซับซ้อนและใหญ่ แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสร้าง
ระบบเศรษฐกิจที่สมดุล, การศึกษาทักษะใหม่, การกระจายทรัพยากรที่ยุติธรรม,
และการให้ความสำคัญกับ สุขภาพจิตและการมีส่วนร่วมของสังคม. ต้องมีการร่วมมือกันจากทุกฝ่ายเพื่อไม่ให้คนกลายเป็น
“กลุ่มคนตกสำรวจ” ในสังคมแห่งอนาคต.
คุณคิดว่าเราควรเริ่มต้นจากตรงไหนในการแก้ปัญหานี้?
นี่เป็นคำถามสำคัญที่สุดเลยครับ!
“ใครจะเป็นคนทำ?”
ปัญหานี้ใหญ่และซับซ้อนมากจนไม่สามารถให้คนเพียงกลุ่มเดียวมารับผิดชอบได้ ต้องมีหลายฝ่ายมาร่วมมือกัน
แต่ถ้าไม่มีใครเริ่ม ก็ไม่มีวันเกิดขึ้น
What’s new in Cloud – GCP
Desserts – Recipes from AI
SmartWatch – Facebook
